วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

มีโอกาสตัดมดลูกทิ้ง

เคยเมลไปถามคุณหมอท่านหนึ่ง เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดส่องกล้อง มีคนหลายคนเขียนอาการของตัวเองและปรึกษาคุณหมอผ่านเวบบอร์ด คุณหมอดูใจบุญขยันมาตอบปัญหาคนไข้ เราก็เอามั่งแต่เขียนอีเมล เล่าอาการที่เป็นอยู่

เรียน คุณหมอ
ผ่าตัดส่องกล้อง วันที่10 สิงหาคม
1 ในช่องท้อง
-เลาะพังผืดในมดลูก และซีส ที่มีเชื่อมติดรังไข่ด้านขวา
-ตัดเนื้องอกบนมดลูก 2 จุด
-ด้านซ้าย รังไข่โดนพังผืดรัด จนมองไม่เห็น ไม่สามารถไปทำอะไรได้  หลังผ่าบางครั้งรู้สึกปวดจิ๊ดๆที่ด้านซ้าย
-ด้านซ้าย ที่สามารถมองเห็นยังมีซีสฝังตัวในลำไส้ส่วนใกล้รูทวารและยังยึดติดกับหลังมดลูก คุณหมอกลัวลำไส้ทะลุเลยไม่เลาะให้
2 ในมดลูก
-มดลูกหนา มีชิ้นเนื้อตะปุ่มตะป่ำเยอะแยะไปหมด ตอนแรกส่องกล้องใช้เครื่องมือเลาะชิ้นเนื้อออกมา และขูดซ้ำอีกรอบ
-ท่อนำไข่ทั้ง2ข้างโดนเนื้อเยื่อมาปิดไว้ คุณหมอเจาะรูให้ทะลุ และลองฉีดสี  ก็ยังตันอยู่
อยากมีลูก และอยากหายจากโรคนี้ค่ะ ตอนนี้ที่กำลังเขียนอยู่ก็ปวดท้องจังเลยค่ะ ปวดเมื่อยไปทั้งตัว
3 การรักษา
    -คุณหมอฉีดยา ENANTONE L.P. 1.88 MG ให้แล้ว 1 เข็ม
    -(ADUPH) DUPHASTON (DYDROGESTERON)10 MG TABLET  60 เม็ด
    -(ACALSF)  CALCIUM-SANDOZ FORTE(ele.Ca 500 mg)
    -(ACENT) CENTRUM TABLET
    -(ACEFS) CEFSPAN 100 MG(CEFIXIME) ยาเม็ด CAPSULE (ยานี้กินหมดนานแล้ว คุณหมอบอกให้ร่างกายลองปรั
บเองก่อน เพราะ   กินก็ทำให้ตกขาว)

คำถามคือ คุณหมอให้ยาฉีด และยากิน ที่มีผลต่อการมีประจำเดือน ทำไมตอนนี้ประจำเดือนมา หรือเป็นการอักเสบหลังผ่าตัด 
เลือดเริ่มออก เมื่อวานคือวันที่22 สิงหาคม ช่วงบ่ายๆมี ชิ้นเนื้อ ยาวประมาณ 3 เซ็นติเมตรออกมาด้วย หลังจากนั้นก็มีเลือดออกเหมือนประจำเดือนเลย ต้องใส่ผ้าอนามัย ปวดท้องรวมๆ  ปวดจิ๊ดบางครั้งที่รังไข่ด้านซ้าย  บางครั้งด้านขวาก็ปวดหน่วงๆ
ประจำเดือนครั้งสุดท้าย มาวันที่ 29 กค-2สค  นับระยะห่างก็ประมาณ 25 วัน ก็ต้องเป็นประจำเดือนได้ใช่ไหมคะ แต่ปกติประจำเดือนหนูก็มารอบประมาณทุก 28 วัน หนูสงสัยว่า ยายังไม่ทำงานหรือยังไง ทั้งฉีด ทั้งกิน ประจำเดือนมันไม่น่าจะมา  วันนี้หนูต้องไปหาคุณหมอหรือเปล่าคะ หรือลองดูอาการไปก่อน  กลัวตัวเองช็อค ยิ่งตอนนี้อยู่บ้านคนเดียว 
 
คุณหมอตอบว่า
   กรณีของคุณ รุนแรงมาก หากอายุไม่มาก ต้องรีบท้อง อาจต้องเสี่ยงทำเด็กหลอดแก้ว แม้โอกาสจจะน้อย คุณมีโอกาสถูกตัดมดลูกสูงมาก ขอเอาใจช่วย แต่หนักใจแทน ขอให้โชคดี
ในความรู้สึก ตอนแรกอ่านก็อึ้งนะ เพราะยังไม่คิดไปถึงว่าใกล้คำว่าตัดมดลูก แต่ก็คิดได้ทีหลัง ตอบสั้นๆแต่โดนเลย  มันก็ใช่อ่ะนะ แต่คุณหมอที่รักษาอยู่ก็ยังให้กำลังใจเราว่าเคยมีคนไข้ที่เคสหนักๆเหมือนเรา คือพังผืดเยอะ และรังไข่ตันทั้งสองข้างเหมือนกัน คุณหมอเตรียมตัวจะทำเด็กหลอดแก้วให้ แต่สุดท้ายดันท้องเองเฉยเลย เด็กหลอดแก้วก็ยังต้องเสี่ยงทำ ถ้าไม่ติดก็เสียเงินฟรี เจ็บฟรี แต่ถ้าติดมันก็คุ้ม ฉันจะทำยังไงกับชีวิตฉันดีเนี่ย ...เฮ้อ...เอาวะ

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วันนี้ปวดจิ๊ดที่รังไข่ซ้าย-มีเลือดออก

วันนี้ปวดจิ๊ดที่รังไข่ซ้าย ด้านที่คุณหมอไม่สามารถไปทำอะไรมันได้ ซักพักรู้สึกเหมือนอะไรไหลๆ แปลกใจตั้งแต่ขูดมดลูกมา ส่วนมากก็มีออกมาบ้างแต่ไม่รู้สึกว่าเยอะเหมือนวันนี้ เป็นเหมือนเลือดประจำเดือนเลย จนต้องใส่ผ้าอนามัย มีชิ้นเนื้อหลุดออกมาชิ้นนึงยาวประมาณ 3 cm แสดงว่าในมดลูกยังมีชิ้นเนื้อหลงเหลืออยู่ ตอนแรกคิดๆอยู่ ซีสรังไข่ซ้ายมันกำลังจะฝ่อแตกเพราะฤิทธิ์ยาหรือเปล่า
ต้องไปหาหมอหรือเปล่าวะเนี่ย.......เครียด....อารมณ์ไม่ดี

สรุปอาการที่เป็น 
ก็คือเป็นเลือดประจำเดือนที่ยังมีอยู่ เป็นความเข้าใจผิดที่คิดว่าหลังฉีดยา หรือกินยา กดฮอโมนส์ แล้วเมนส์จะหยุดเลย คุณหมอบอกว่า มันต้องใช้เวลาในการให้ร่างกายสะสมฮอโมนส์ เข้าไป  โล่ง....นึกไปหลายอย่าง นึกว่าเลือดไหลจากแผลไม่หยุด นึกว่าคุณหมอขูดมดลูกไม่หมดมั่งล่ะ  พอรู้ว่าเป็นเมนส์ก็รู้สึกเลยว่า อาการปวดที่เคยปวดมากถึงมากที่สุด พอนสแตนลอยมาอยู่ในสมองทันที ก็เป็นอดีตไป  อาการปวดมันทุเลาลง มันอยู่ในขั้นที่อดทนได้ คือไม่ถึงกับว่าหายปวดไปเลย มันก็ยังมีอาการไม่ค่อยสบายท้องอยู่ แต่ก็ไม่ถึงกับต้องกินยาแก้ปวด ก็ดีใจนะ เพราะกินยาแก้ปวดตั้งแต่เด็ก ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะยาหมอหรือเพราะว่าผ่าพังผืด

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ตัดไหมซะทีและคำถามหมอที่ยังสงสัย

ดีใจมากวันนี้ได้ตัดไหมซะที แอบเกาแผ่นจนไหมโผล่ ดั้นนึกว่าเอาพุงไปไถเอาเสี้ยนที่ไหนปักพุง ไหมเย็บเขาเป็นเหมือนลวดแข็งๆ ก็ยังไม่ทันคิด เลยเอาแหนบมาหนีบดึงออก เอ๊ะเสี้ยนอะไรทำไมมันแน่นจัง คิดไปคิดมาอ๋อ....เกือบดึงก่อนหมอซะแล้ว  

เวลาคุณหมอดึง ไม่เจ็บนะ แต่เสียวนิดเดียว วันนี้รอคุยกับคุณหมอ แต่คุณหมอก็ยุ่งมาก แทบไม่มีเวลา คนไข้เยอะมาก เราก็รอจนเกือบรอไม่ไหว แต่ก็รอ

คำตอบที่คุณหมอตอบ จากที่ถามไป
1  หลังจากดูวีดีโอ ส่องกล้องในมดลูก ผิวมดลูกที่เป็น จุดๆสีขาว ดูเหมือนเม็ดสาคู เต็มไปหมด คือลักษณะผิวมดลูกที่ปกติ
2 ปกติหลังขูดมดลูก ถ้าไม่มีการรักษาต่อด้วยการฉีดยา มดลูกจะกลับมาหนาใช้เวลาแค่ 1 เดือน
3 ไขมันก้อนสีเหลืองที่ติดกับลำไส้ มันเป็นปกติ ที่ลำไส้เขาก็ต้องมีไว้ คล้ายๆกันชน 
4 เวลาเชื่อมปิดแผลด้วยการจี้ร้อนจะมีเศษสีดำ ค้างอยู่บ้าง ร่างกายสามารถกำจัดออกได้เอง
5 ครั้งนี้คุณหมอไม่ต้องให้กินยาแก้อักเสบต่อ ให้งด เพราะถ้าให้ก็จะตกขาวอีกเหมือนเดิม ให้ร่างกายลองปรับสภาพด้วยตัวเองก่อน
6 การเลาะพังผืดด้านขวาง่าย แต่ด้านซ้ายยากเลยไม่เลาะ
7 ไส้ติ่ง ยังอยู่ มันไม่ได้มีการอักเสบอะไร คุณหมอจะไม่ยุ่งกับมัน

ไม่ได้เขียนมาหลายวัน เวบมันค้างๆ วันนี้ก็ใช้ได้ปกติแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ปวดแบบรำคาญ

เมื่อคืนประมาณ 3 ทุ่ม รู้สึกปวดหน่วงๆที่รังไข่ขวา กินยาแก้ปวดไป1เม็ด ตื่นมาตอนเช้า ก็ปวดอีก ไม่เยอะแต่พอให้รู้สึก รำคาญก็เลยกินยาแก้ปวดไปอีก 1 เม็ด เลือดมันไหลจากแผลที่คุณหมอทำไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือว่าเมื่อวานเราเดินเยอะ  หรือว่านอนตะแคงเยอะ อะไรก็ไม่รู้.....
ตอนนี้ชักเริ่มคัน คัน ถ้าไม่มีแผ่นปิดแผลคงจะเกาไปเรียบร้อย ขนาดมีแผ่นปิด ยังเกาแผ่นแทน หวังว่าแผลคงจะไม่นูนนะ  วันที่17 นัดคุณหมอ ตัดไหม

ENDOMETRIOSIS

DEFINITION : เป็นภาวะที่พบบ่อยในสตรีวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งมีเยื่อบุโพรงมดลูกที่มีชีวิต เกาะอยู่ภาย
นอกโพรงมดลูก ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในอุ้งเชิงกราน แต่อาจพบที่อื่นได้เช่นกัน เยื่อบุ
โพรงมดลูกที่เจริญผิดที่นี้ ไม่ใช่เนื้อร้าย และยังคงตอบสนองต่อฮอร์โมนเพศได้ดี
เชื่อว่า การตอบสนองเช่นนี้ เป็นพื้นฐานอาการของโรค ซึ่งส่วนใหญ่จะมาพบ
แพทย์ด้วย อาการปวด และ ภาวะมีลูกยาก
ระบาดวิทยาและปัจจัยเสี่ยง
- พบมากที่สุดในช่วงอายุ 20-40 ปี แต่จะพบในช่วงอายุอื่นได้
- พบอย่างน้อยร้อยละ 1 ของผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์
- เป็นสาเหตุหลักของภาวะมีลูกยาก ร้อยละ 25-35
- พบบ่อยในสตรีชาวตะวันออก & สตรีสังคมชั้นสูง แต่พบน้อยในสตรีชาวตะวันตกและ
คนผิวดำ
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรค
ทฤษฎีที่เชื่อถือมากที่สุด คือ การไหลย้อนกลับของระดู เข้าไปในอุ้งเชิงกรานผ่านทาง
ปีกมดลูก
ดังนั้น ภาวะนี้ จึงมักเกิดใน กลุ่มสตรีที่การระบายของระดูออกมาสู่ภายนอกมีอุปสรรค
(OUTFLOW TRACT ANOMALY) แต่ท่อนำไข่ปกติ ระดูจึงไหลย้อนกลับผ่านออกไปทางท่อนำไข่ได้
สะดวก
ตำแหน่งที่เกิดโรค จึงมักอยู่ใกล้ปลายปีกมดลูก ที่พบบ่อยที่สุด คือ "รังไข่"
กลไกที่ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก
1. มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากของระบบโครงสร้างของอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น
- รังไข่โตเป็นถุงน้ำขนาดใหญ่ (LARGE ENDOMETRIOMA)
- มีผังผืดบริเวณท่อนำไข่และรังไข่
- มีการบิดเบี้ยวของท่อนำไข่และรังไข่
- มีการรบกวนกระบวนการตก "ไข่"
- มีการหลั่งของสาร โปรแลคติน (PROLACTIN) ผิดปกติ
- มีการเจริญเติบโตของ "ไข่" ที่ผิดปกติ
2. มีการรบกวนหรือทำลาย เซลล์สืบพันธุ์ "ไข่" และ "ตัวอสุจิ" ในอุ้งเชิงกราน
- มีเม็ดเลือดขาวบางชนิด (MACROPHAGE) มากกว่าปกติ คอยทำลายและย่อย
สลาย "ไข่","ตัวอสุจิ" และเยื่อบุโพรงมดลูกในช่องท้อง
- มีสารบางอย่างมากเกินไปในช่องท้อง เช่น สาร PROSTAGLANDIN ซึ่งมีผล
ต่อการเคลื่อนไหวและการรอดชีวิตของ "ตัวอสุจิ" ในอุ้งเชิงกราน
การวินิจฉัยโรค วินิจฉัยจาก ประวัติ,ตรวจร่ายกาย และ การตรวจพิเศษอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การเจาะท้องส่องกล้อง (LAPAROSCOPE)
ประวัติ โรคนี้มักพบในคนไข้มีลูกยาก (INFERTILITY)
อาการที่นำมาพบแพทย์มากที่สุด คือ
- ปวดระดู (DYSMENORRHEA)
- ปวดท้องน้อย (PELVIC PAIN)
- ปวดลึก ๆ ในอุ้งเชิงกรานเวลาร่วมเพศ (DYSPAREUNIA)
บางคนอาจมีอาการปวดถ่วงทางทวารหนัก,ปวดหน่วงบริเวณหัวเหน่า,ท้องเสียบ่อย ๆ,
ปวดเอว,ปัสสาวะและอุจจาระเป็นเลือด
ตรวจร่างกาย ในกรณีระยะของโรคยังเล็กน้อยอยู่ การตรวจร่างกายมักปกติ
การตรวจภายในและการตรวจทางทวารหนัก จะช่วยในการวินิจฉัยอย่างมาก
ลักษณะที่มักพบ คือ
- ขรุขระ,ตะปุ่มตะป่ำบริเวณเอ็นที่ยึดคอมดลูก (UTERO-SACRAL LIGAMENT)
- เป็นถุงน้ำรังไข่ที่เรียก "CHOCOLATE CYST" ซึ่งคลำได้ง่าย
- มดลูกมักจะเอียงไปทางด้านหลังและติดแน่นอยู่ในลักษณะนั้นตลอดเวลา
การตรวจพิเศษอื่น ๆ
I การเจาะท้องส่องกล้อง (LAPAROSCOPE) ถือว่า เป็นวิธีการสำคัญที่สุดในการ
วินิจฉัยและประเมินความรุนแรงของโรค นิยมทำภายหลังจากมีระดูไม่นานนัก ในช่วงครึ่งแรกของ
รอบเดือน เพื่อหลีกเลี่ยงการทำลายครรภ์อ่อน ๆ ที่ไม่รู้ตัวมาก่อน
การเจาะท้องส่องกล้องช่วยในการรักษาโรคได้ด้วย เช่น
- ตัดเลาะพังผืดด้วยกรรไกรหรือเลเซอร
- จี้ทำลายเยื่อบุโพรงมดลูกที่เกาะตามผนังอุ้งเชิงกรานและตำแหน่งอื่น ๆ
- ผ่าตัดเอาเนื้องอกรังไข่ออกได้
การใช้วีดีโอบันทึกภาพขณะเจาะท้อง จะช่วยอย่างมากในการทบทวนก่อนให้การ
รักษาขั้นต่อไป
ปัจจุบันนี้ยังมีการค้นหาหรือพัฒนาวิธีการวินิจฉัยโรคให้ดีขึ้น โดยไม่จำเป็นต้อง
ทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บอีกด้วย แต่ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป
II CA125 เป็นภูมิต้านทาน ต่อเซลล์ผิวของรังไข่ (OVARIAN EPITHELIUM)
- พบในโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเกาะผิดที่ ในระยะที่เป็นลุกลามมากแล้ว
- ช่วยในการติดตามการรักษา เช่น เมื่อเวลาพยาธิสภาพดีขึ้น ระดับของ CA
125 จะลดลง
III การตรวจด้วยภาพ (IMMAGING)
1. การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงหรือที่เรียกว่า อัลตร้าซาวน์ (ABDOMINAL OR
TRANSVAGINAL ULTRASOUND) ส่วนใหญ่แพทย์นิยมตรวจดูอัลตร้าซาวน์ผ่าน
ทางช่องคลอดมากกว่าทางหน้าท้อง เพราะมองเห็นเนื้องอกถุงน้ำรังไข่
(CHOCOLATE CYST) หรือความผิดปกติอื่น ๆ ในอุ้งเชิงกรานชัดเจนมากกว่า
2. การตรวจ C.T.SCAN
3. การตรวจ MAGNATIC RESONANCE IMMAGE
สรุป การวินิจฉัยโรคที่แน่นอน ซึ่งเป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน มีอยู่แนวทางเดียวเท่านั้น คือ
"มองเห็นพยาธิสภาพโดยตรง" เท่าที่ทราบในขณะนี้ มีเพียง 2 วิธี ได้แก่ การเจาะ
ท้องส่องกล้อง (LAPAROSCOPE)และ การผ่าตัดเปิดหน้าท้อง (LAPAROTOMY)
การรักษา (TREATMENT)
หลักการ การผ่าตัด ถือเป็น การรักษาอันดับแรกที่ควรกระทำ สำหรับโรคเยื่อบุโพรง
มดลูกเกาะผิดที่ (ENDOMETRIOSIS)
การรักษาด้วยยาหรือฮอร์โมน จะใช้ในรายที่มีอาการภายหลังจากวินิจฉัยได้แน่นอนแล้ว
ก่อนหรือหลังผ่าตัด แต่จะไม่นิยมใช้รักษาในภาวะมีบุตรยาก เพราะจะทำให้การตั้งครรภ์เนิ่นนานออกไป
การรักษาด้วยฮอร์โมน มีข้อบ่งชี้ ดังต่อไปนี้
1. เพื่อลดความรุนแรงของพยาธิสภาพของโรคในคนไข้ที่มีอาการปวดอย่างมาก
2. ให้ก่อนผ่าตัด ในรายที่โรครุนแรงหรือเป็นซ้ำ ๆ เพื่อช่วยให้ผ่าตัดได้ง่ายขึ้น
3. ให้หลังผ่าตัด ในกรณีที่ผ่าตัดได้ไม่หมด หรือในรายที่เป็นซ้ำบ่อย ๆ
4. เพื่อป้องกันไม่ให้โรคเป็นมากขึ้น ในกรณีต้องการเลื่อนการตั้งครรภ์ออกไปก่อน
ยาหรือฮอร์โมน สำหรับรักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเกาะผิดที่ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1ทำให้ร่างกายมีสภาพเหมือนคนท้อง (PSEUDOPREGNANGY) โดยทำให้เยื่อบุโพรง
มดลูกทั้งภายในและภายนอกมดลูก นุ่มและลอกหลุดสลายไป แบ่งเป็น
1. ฮอร์โมนกลุ่มโปรเจสเตอร์โรน (PROGESTIN & ANTIPROGESTIN) ส่วนใหญ่
นิยมใช้ ยาคุมกำเนิดชนิดฉีด (DEPO-PROVERA) ตามขนาดที่กำหนด เป็นเวลา 6 เดือนติดต่อกัน
ข้อดี คือ ใช้กับผู้ป่วยที่มีข้อห้ามในการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ แต่มีข้อเสีย คือ ทำให้มีการ
"ตกไข่" เกิดขึ้นช้าภายหลังจากหยุดรักษาแล้ว
2. ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดฮอร์โมนรวม (COMBINED ESTROGEN-PROGESTIN)
รับประทานติดต่อกันเป็นเวลา 6-12 เดือน ตามขนาดที่กำหนดเพื่อใช้รักษา ผลข้างเคียงที่พบได้
คือ คลื่นใส้,เต้านมคัดตึง,มีตกขาวมาก และน้ำหนักเพิ่มเร็ว เป็นต้น
การรักษาด้วยวิธีนี้ (PSEUDOPREGNANCY) จะลดอาการปวดได้มากกว่าร้อยละ 80
ของผู้ป่วย ในขณะที่ อัตราการตั้งครรภ์ภายหลังการรักษาอยู่ในราวร้อยละ 25-50
กลุ่มที่ 2 ทำให้ร่างกายมีสภาพคล้ายสตรีวัยหมดประจำเดือน (PSEUDOMENOPAUSE) โดยกลุ่ม
ยาดังกล่าว มีฤทธิ์ในการยับยั้งการหลั่งของ สารที่เป็นคำสั่งจากสมองส่วนหน้า (GONADOTROPIN)
ซึ่งมากระตุ้นการทำงานของรังไข่ มีผลทำให้รังไข่หยุดทำงาน ไม่มีการสร้างฮอร์โมน ส่งผลให้เกิดการ
ฝ่อสลายของเยื่อบุโพรงมดลูก ทั้งภายในและภายนอกมดลูก
1. DANAZOL ใช้รักษาโรคนี้มากว่า 20 ปีแล้ว
- ผลข้างเคียงจากยา คือ สิวเพิ่มขึ้น, เต้านมเล็กลง, กล้ามเนื้อเป็นตะคริว เป็นต้น
- ข้อห้ามในการใช้ ได้แก่ ตั้งครรภ์,เลือดออกผิดปกติ,กำลังให้นมบุตร และการ
ทำงานของตับหรือไตหรือหัวใจบกพร่อง
- ข้อดี คือ ลดอาการปวดท้องน้อยได้ร้อยละ 80-90 และ มีอัตราการตั้งครรภ์
ภายหลังรักษาร้อยละ 40-70
2. GnRH AGONIST (SUPREFACT,ENANTONE...) มีทั้งชนิดที่เป็นยาฉีด และชนิด
พ่นเข้าจมูก ชนิดที่เป็นยาฉีด เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะใช้ง่ายและสะดวกกว่า เพียงฉีด
เดือนละ 1 เข็ม ยาสามารถออกฤทธิ์ครอบคลุมได้กว่า 1 เดือน แต่มีข้อเสียที่ราคาแพงมาก
- ระยะเวลาที่ใช้รักษาประมาณ 6 เดือน
- ผลข้างเคียง ได้แก่ อาการร้อนวูบวาบตามตัว,เลือดออกกระปริดกระปรอย,อ่อนเพลีย,
นอนไม่หลับ ที่สำคัญคือ มีการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของสาร ภายในกระดูก (BONE MINERAL
DENSITY) ลดลง ดังนั้น จึงควรรับประทาน แคลเซียมเพิ่มเติมในระหว่างที่รักษาด้วยยานี้
การผ่าตัดรักษา
1. การผ่าตัดเพื่อคงสภาพอวัยวะส่วนที่ดีให้มากที่สุด (CONSERVATIVE SURGERY)
1.1 การผ่าตัดผ่านกล้องที่เจาะส่องทางหน้าท้อง (LAPAROSCOPIC SURGERY)
เป็นการรักษาที่ทำควบคู่กันไปกับการวินิจฉัย โดยมีขอบข่ายการรักษาครอบคลุมได้ทุก
ระยะของโรค แต่ต้องอยู่ในมือของผู้ชำนาญที่ได้รับการฝึกมาเท่านั้น
นิยมทำในระยะครึ่งแรกของรอบเดือน (FOLLICULAR PHASE) เพราะเสีย
เลือดน้อย,มองเห็นตำแหน่งของโรคได้ง่าย และไม่เกิดการทำลายครรภ์ระยะแรกโดย
รู้เท่าไม่ถึงการณ์
1.2 การผ่าตัดทางหน้าท้อง เพื่อรักษาสภาพของมดลูก,รังไข่และท่อนำไข่ที่ยังทำงานได้
ให้ทำงานดียิ่งขึ้น (CONSERVATIVE SURGERY FOR ENDOMETRIOSIS
AT LAPAROTOMY) การผ่าตัดจะต้องทำด้วยความพิถีพิถัน นุ่มนวล และอาจต้องใช้
กล้องส่องขยายช่วย (MICROSURGERY) โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อที่จะนำเอา พยาธิ
สภาพ (ENDOMETRIOSIS) ที่มองเห็นได้ ออกทั้งหมด ในส่วนของถุงน้ำรังไข่
(CHOCOLATE CYST) จะตัดออกทั้งหมดหรือลอกเอาเฉพาะถุงน้ำที่เป็นพยาธิสภาพ
ออก ก็แล้วแต่ความจำเป็น
การผ่าตัดทั้ง 2 วิธีดังกล่าวข้างต้น ให้ผลดีในแง่ลดอาการปวดในอุ้งเชิงกรานที่มีมา
แต่เดิม และมีอัตราการตั้งครรภ์ภายหลังผ่าตัดประมาณร้อยละ 70 ในกรณีที่เป็นเพียงเล็กน้อย,
ร้อยละ 50 ในกรณีที่เป็นปานกลาง และร้อยละ 40 ในรายที่เป็นรุนแรง
2. การผ่าตัดเอามดลูกพร้อมรังไข่และพยาธิสภาพในส่วนต่าง ๆ ออกทั้งหมด (RADICAL
SURGERY) ใช้ในกรณีคนไข้สตรีที่มีอาการ แต่ไม่ต้องการมีบุตรอีกหรือพยาธิสภาพของโรครุนแรง
มากจนไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้
การผ่าตัดที่เหมาะสมที่สุด คือ ตัดมดลูกพร้อมรังไข่ออกทั้งสองข้าง รวมทั้งจี้ทำลาย
หรือผ่าตัดเลาะผังผืด และพยาธิสภาพที่เกาะติดส่วนต่าง ๆ ออกให้หมด
การคงเหลือรังไข่ไว้ข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง ยังเป็นที่ถกเถียงกัน แต่ไม่ควร
เหลือไว้เป็นอย่างยิ่งกรณีมีพยาธิสภาพที่ลำใส้หรือหลอดไตอย่างมากในขณะนั้นด้วย
การให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนทดแทนที่ขาดหายไป ควรให้ทันทีเพราะไม่ทำให้พยาธิ
สภาพของโรคที่หลงเหลืออยู่รุนแรงขึ้น แต่จะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคกระดูกพรุนในอนาคต
สรุปการรักษา
สตรีอายุน้อยที่มีพยาธิสภาพและอาการเพียงเล็กน้อย โดยไม่มีถุงน้ำรังไข่ (CHOCOLATE
CYST) ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด
สตรีที่ยังไม่ต้องการมีบุตรในขณะนั้น ควรรักษาโดยการเฝ้าสังเกตอาการและรับประทานยาแก้ปวด
ไปก่อน อาจจะหยุดการดำเนินของโรคด้วยการรับประทานยาคุมกำเนิด หากโรครุนแรงหรือมีอาการมากขึ้น
ควรให้ยา DANAZOL
การทำให้มีสภาพคล้ายคนท้อง (PSEUDOPREGNANCY) ใช้เป็นทางเลือกของการรักษา กรณีที่ทน
ต่อผลข้างเคียงหรือราคาของยา DANAZOL ไม่ได้
สตรีที่ต้องการมีบุตรในขณะนั้น
ควรเริ่มรักษาทันทีด้วยการผ่าตัด (CONSERVATIVE SURGERY) หรือรับประทานยา
DANAZOL
การผ่าตัด ใช้ในกรณีคนไข้มีบุตรยาก ที่ต้องการยืนยันการวินิจฉัยโรคในห้องผ่าตัด ซึ่ง
คาดว่าจะมีพังผืด และมีการปิดเบี้ยวไปของอวัยวะในอุ้งเชิงกราน กรณีเช่นนี้สมควรผ่าตัดเพื่อ
แก้ไขสภาพดังกล่าว การให้ยา DANAZOL หลังผ่าตัดควรใช้ในกรณีที่มีพยาธิสภาพหลงเหลืออยู่
และต้องการทำลายให้หมด
สตรีที่ไม่ต้องการมีบุตรอีกต่อไป
ควรรักษาตามความรุนแรงของโรค การรักษาที่ดีที่สุด คือ การตัดเอามดลูกและรังไข่
ออกทั้งสองข้าง รวมทั้งพยาธิสภาพในส่วนอื่น ๆ ด้วย
ในสตรีที่อายุน้อยซึ่งต้องการเก็บรังไข่ไว้สร้างฮอร์โมน ควรตระหนักว่า มีโอกาสที่จะ
ต้องผ่าตัดซ้ำ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
พ.ต.อ.นพ.เสรี ธีรพงษ์ ผู้เขียน

Dr.Seri's Clinic

คลินิกหมอเสรี

วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ผลข้างเคียงของยา

1 ENANTONE L.P. 1.88 MG INJECTION 1 Vial
  *ยานี้ทำให้รังไข่หยุดทำงานชั่วคราว ไม่มีไข่ตก ทำให้ผลข้างเคียงเหมือนคนขาดฮอร์โมนที่เกิดจากวัยทอง  ร้อนวูบวาบ ปวดเมื่อยตามตัว เวียนศรีษะ
*ถ้าใช้ยา enantone นานกว่า 6 เดือนจะทำให้กระดูบางได้ ใช้ฮอร์โมนทดแทนร่วมด้วย ส่วนแคลเซียมถ้าใช้ enantone ไม่นาน ไม่ต้องรับประทานเพิ่มก็ได้ะ แต่ถ้าใช้นานควรรับประทานเพิ่ม ทั้งอาหารและแคลเซียมเม็ด เพราะร่างกายจะเหมือนสตรีวัยทองซึ่งต้องการแคลเซียมเพิ่ม 1500 มิลลิกรัมต่อวัน ควรรับประทานตลอดการใช้ยา
*ใช้ได้ประมาณ 3-6 เดือน เป็นยาที่ดีและกดโรคได้ไวกว่าชนิดอื่นๆ อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นถ้ายังต้องการใช้ต้องใช้ฮอร์โมนทดแทนร่วมด้วยเพราะ ทำให้กระดูกบาง เหมือนในสตรีวัยทองได้ นอกจากนี้ยาราคาไม่ถูก ดังนั้นอาจใช้ยาตัวนี้ในเบื้องต้น แล้วเปลี่ยนชนิดของยาต่อไป
*Enantone หรือชื่อการค้าว่า Leuprolide เป็นยาที่ออกฤทธิ์เช่นเดียวกันฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองที่ชื่อว่า gonadotropin-releasing hormone (GnRH)
แพทย์ใช้ยานี้เพื่อรักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลุกเจริญผิดตำแหน่ง มีฤทธิ์ทำให้มีการกดการสร้างฮอร์โมนเพศหญิงที่ชื่อ เอสโตรเจน
ผลข้างเคียงของการใช้ยาจะเกิดขึ้นได้มากน้อยแล้วแต่ผู้ป่วยแต่ละคน ถ้าไม่มากนักก็ใช้ยาต่อไปได้ แต่ถ้ามากอาจต้องหยุดยาก่อนครบขนาดยาที่วางแผนไว้เดิม
ผลข้างเคียงคือ อาการเหมือนหญิงวัยทองเช่นร้อนวูบวาบที่ผิว หงุดหงิด ความรู้สึกทางเพศลดลง ปัสสาวะผิดปกติ ช่องคลอดแห้ง กระดูกบางลง หรือมีการพรุนของกระดูกเพิ่มขั้น เป็นมากที่กระดูกสันหลัง หากคุณมีปัญหาที่กระดูกควรแจ้งให้แพทย์ทราบจะได้ตรวจกระดูกว่า มีผลต่อกระดูกมากหรือไม่ ถ้ามีผลมาก ก็ต้องหยุดยา


หมอเก่า หมอใหม่

 *วันนี้เป็นวันแรกที่ถ่ายท้องได้ซะที ผ่าตั้งแต่วันที่10 ช่วงบ่าย เกือบ 4 วัน เฮอๆ*
พึ่งย้ายมาอยู่ที่นนทบุรี ได้ไม่ถึงปี ก่อนหน้านั้นอยู่แถวเขตรังสิต ไปหาหมอตรวจภายในครั้งแรก ตื่นเต้นมากๆ เจอคุณหมอผู้ชาย อาการที่เป็นก็คือปวดท้อง มาก เวลามีประจำเดือน และเลือดออกเป็นลิ่มๆ หมอให้ขึ้นขาหยั่ง  ถามว่าเคยตรวจไหม เราบอกไม่เคย หมอบอก ไม่เจ็บหรอก ก็เลยนับ 1ถึง5 เฮ้ยมันเร็วขนาดนี้เลยรึ หมอบอกเสร็จแล้ว ผลการตรวจ ไม่เป็นอะไร มดลูกปกติ ไม่มีการใช้มือกดเช็ค หรือ ให้แนะนำอะไรเพิ่มเติม ห้องและเตียงก็สภาพเก่าๆ ยังกะคลีนิคเถื่อน  โรงพยาบาลนี้เราใช้ประกันสังคมอยู่ ทำงานมาหลายปีก็ไม่ได้ค่อยใช้  ปีต่อมามันไม่ประทับใจก็เลยเปลี่ยนโรงพยาบาล ใกลกว่านิดนึง แต่คราวนี้เจอคุณหมอผู้หญิง ตรวจครั้งแรก กับคุณหมอท่านนี้ ก็ยังเกร็งและขาสั่นเหมือนเดิมมันยังไม่ชิน แต่ครั้งนี้คุณหมอบอกว่าเราอาจเป็นช็อคโกแลตซีส หรือเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่  เป็นครั้งแรก ที่ได้ยินชื่อโรคนี้  กลับมาบ้านจากวันนั้น ก็เริ่มหาข้อมมูลเกี่ยวกับโรคนี้ คือคุณหมอบอกว่า เรามีซีส 2 cm ในรังไข่ด้านซ้าย ด้านขวาไม่มี ตอนนั้นเราก็ปวดจิ๊ดๆนะ เหมือนใครเอาเข็มไปแทง แถวรังไข่ด้านซ้าย ด้านขวานี่บางครั้งก็ปวดถ่วงๆ คุณหมอบอกว่าแค่2cm มันยังไม่อันตรายบางทีมันสามารถฝ่อหายไปเองได้ เราก็ ok ใจชื้นขึ้นมาคือบางทีมันอาจหายเอง แต่เป็นโรคนี้มันก็เหมือนโรคเรื้อรัง ก็ไปหาคุณหมออีกหลายครั้ง ก็ได้ยามากิน มั่ง ยาเหน็บมั่ง ครั้งล่าสุด ขอให้คุณหมอตรวจ ให้ละเอียด ใช้เครื่องมือ อัลตร้าซาวด์ ช่องคลอด และทางหน้าท้องด้วย ผลมันก็เหมือนๆเดิม ...ซีส....
และผ่านไป 3-4 ปีก็ได้ย้ายมาอยู่ที่นนทบุรี ลองเช็คโรงพยาบาลที่ใกล้บ้านที่สุด และอยากได้ที่เขามีความชำนาญเกี่ยวกับโรคนี้  เช็คไปเช็คมา ก็ลองเลือกที่นนทเวช ไปเช็คครั้งแรก ก็ค่อนข้างพอใจกับสถานที่ และสิ่งที่เขาเน้น ตั้งแต่เดินก้าวเข้าไป ครั้งนี้ได้ตรวจกับคุณหมอ วัลย์วิสา ได้เจอข้อมูลใหม่ก็คือ ซีสด้านซ้ายมองไม่เห็นแล้ว แต่มันก็ยังไม่แน่ เพราะมันเป็นเงาๆ แต่ด้านขวานี่ซิ รังไข่โดนพังผืดรัดติดกับมดลูกไปอยู่ด้านหลัง กลับมาบ้าน ก็ลองเช็คประวัติ คุณหมอดู  ก็ดูท่าทางจะเก่งและมีความชำนาญ แถมเป็นหมอผู้หญิง ก็นะลองดูซักครั้งกับคุณหมอท่านนี้ละกัน เพราะตรวจแต่ละครั้งดูมันจะเพิ่มมาทีละอย่าง อย่างหลังก็มดลูกหนามาก มีเลือดขังอยู่แถวรังไข่บ้างล่ะ หลังจาก ไปพบคุณหมออยู่ 3-4 ครั้ง ก็ตัดสินใจผ่ามันซะเลย
คุณหมอคนแรก ไม่ได้เรื่อง
คุณหมอคนที่สอง ค่อนข้างพอใจ เพราะเขาบอกได้ว่าเราเป็นอะไร แต่เสียอย่างเดียว เป็นโรงพยาบาลรัฐบาลที่ใช้ประกันสังคม ถ้าไม่แสดงอาการหนักจริงๆ คือเขาไม่ค่อยรักษาให้เราเต็มที่ โรคนี้มันค่อนข้างแพงล่ะมั้ง
คุณหมอคนล่าสุด ค่อนข้างมั่นใจในความสามารถคุณหมอ และทีม แพทย์ ถึงผลที่ออกมาเราจะไม่หายขาด เราก็เป็นหนัก คุณหมอคงทำเต็มที่แล้ว

วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554

หลังผ่า..และ สิ่งที่เกิดตามมา

1 ปวดที่บ่าทั้ง 2 ข้างมาก มันเป็นผลข้างเคียงของก๊าซที่ฉีดเข้า ที่ไปดันกระบังลม วิธีแก้ไขก็คือ นั่งบนเตียงนี่แหละ แล้วเอาหมอนมารองด้านหน้า เอาหัวทิ่มลง แล้วให้ตูดโก่งขึ้น อากาศก็จะไหลย้อนไปด้านหลัง อาการปวดก็จะหายไป ก็ทำไปหลายรอบ เพราะเดี๋ยวก็ปวด
2 มีเลือดสีน้ำตาลอ่อน ๆ ออกมาจากช่องคลอดบ้าง
3 แผลก็ไม่เจ็บนะ ก็เป็นอย่างที่เขาโฆษณา ผ่าตัดส่องกล้อง แผลเล็ก ไม่เจ็บ หลังผ่าล้างแผลให้ 1 ครั้ง แล้วก็ติดพลาสเตอร์กันน้ำ รออีก อาทิตย์นึงก็นัดตัดไหม
4 ผ่าตั้งแต่ วันที่ 10 วันนี้วันที่13 ยังไม่ถ่ายเลย  กินอาหาร ก็3 เวลานะ มันก็ยังไม่ออก ก็พยายามไม่ให้ท้องตัวเองอืด อืดแล้วทรมานมาก มันจุก หลังผ่า ถ้าเดินได้ ก็เดินเลย จะช่วยได้มาก ตอนนี้ก็กินน้ำขิง  อาหารก็ได้ปลาทูสดต้มใส่ผัก รสชาติแบบจืดเอาไว้ก่อน ไม่อร่อยเลยเพราะปกติเป็นคนชอบอาหารรสเผ็ด รสจัด แต่ก็อดทนไว้ก่อน คิดไม่ค่อยออกเรื่องเมนูอาหารนะ ที่โรงพยาบาลก็จะเขียนไว้ให้งด ผลไม้ ของหมักของดอง ของมันๆ และอาหารรสจัด สามีก็เลยซื้อโจ้กเป็นห่อๆ ไว้ให้ ต้มใส่ผัก อยากกินไข่เหมือนกัน แต่อ่านๆดูใน internet แล้วบางคนบอกไม่ควรกิน
5 ทรมานเวลาขำ เป็นคนเส้นตื้น หัวเราะแต่ละที โคตรทรมาน และเวลาไอ กับจาม เหมือนใครมาดึงลำไส้
6 สามีดูเป็นห่วงเรามากขึ้น หลังจาก ที่รออย่างหวั่นวิตก ผลนี้ก็ ok นะ ชอบอยู่หรอก
7 ลูก4ขา เครียด กัดโซฟา และร้องโหยหวน คงจะทั้งคืน เกรงใจเพื่อนบ้านจัง นอน 2 คืน คืนที่2ก็เลยให้   สามี ไปนอนเป็นเพื่อนหมาซะ
8 ความอายหายไป การเปลือยกายต่อหน้าคนอื่น ต่อหน้าพยาบาล หมอ เฉยๆไปเลย
9 รู้สึกไม่ชอบเวลาถูกดึง สายสวนปัสสวะ มันเจ็บเสียว แปล๊บๆ บอกไม่ถูก แต่ก็แป๊บเดียว
10 อาการที่เคยเป็นในอดีต คือกลัวเข็มเป็นที่สุด ตอนนี้ ชิวๆ แต่ก็ยังไม่กล้ามองนะ แบบว่าหันหน้าไปทางอื่น จะทำอะไรก็ทำเถอะ ตามสบาย
11 เข้าใจตัวเองมากขึ้น หลัวจากที่ได้เห็นอวัยะ ของตัวเองแบบชัดๆ รู้สึก เศร้าใจเล็กน้อย ในสิ่งที่ตัวเองเป็น ก็มันไม่หายนี่นา 







ยาหมอ-หลังผ่า

พยายามดูวีดีโอที่คุณหมอทำ 2-3 รอบ แต่ก็ไม่สามารถทนดูจนจบ สงสารท้องตัวเอง มองดูอุปกรณ์ มันดึง ทึ้ง กัด กิน ชิ้นเนื้อของเราเอง แล้ว มันบอกไม่ถูก
รายการยาที่ต้องกินก็มี
1 (ACEFS) CEFSPAN 100 MG(CEFIXIME) ยาเม็ด CAPSULE เป็นยาปฎิชีวนะ
2 (ATYLE5) TYLENOL  500 MG (PARACETAMOL) TABLET แก้ปวด ลดไข้
3 (ACOLP) COLPERMIN(PEPPERMINT OIL) 187 CAPSULE ขับลม
4 (ACENT) CENTRUM TABLET  วิตะมิน
5 (ACALSF)  CALCIUM-SANDOZ FORTE(ele.Ca 500 mg) 10 เม็ด เป็นแคลเซียมเม็ด
6 (ADUPH) DUPHASTON (DYDROGESTERON)10 MG TABLET ยาฮอร์โมน ครั้งนี้ได้มา 60 เม็ด
ก็เป็นยาที่ต้องกินประจำ หลังผ่า
และฉีดยา ENANTONE L.P. 1.88 MG INJECTION 1 Vial เข็มนึงก่อนกลับบ้าน และต้องฉีดต่อเนื่องอีกหลายเดือน ครั้งหน้าคุณหมอนัดดูผลข้างเคียง ที่เรามี ถึงจะบอกได้ว่า ให้อีกกี่เข็ม เข็มนึง ก็แสนแพง 8005 บาท รวมค่าใช้จ่ายผ่าตัดส่องกล้อง ทั้งหมดเบ็ดเสร็จ ตอนแรกประเมินไว้ที่ 120,000 บาท จ่ายจริงๆ ก็ 129,035 บาท 
น่าผิดหวังตรงที่ ผลที่ออกมามันไม่ค่อยดี คือเราเป็นหนักมาก คุณหมอก็ทำเต็มที่แล้ว คุณหมอไม่สามารถรับปากได้ว่าจะสามารถมีลูกแบบธรรมชาติได้  ความหวังตอนนี้ ก็อยากได้เพียงความเจ็บปวดที่เป็นอยู่อยากให้มันดีขึ้น ส่วนในอนาคต ไหนๆก็จะเดินหน้าแล้ว ก็คงไม่ถอย ขอลองทางนี้ให้มันสุดๆ แล้วค่อยลองวิธีอื่นดูละกัน  จะลงภาพและวีดีโอ อย่างละเอียดให้ดู แต่ติดที่ว่าโปรแกรมตัดต่อวีดีโอ มันเดี้ยงอยู่ รออีกนิดนึง
อ้อ...และสรุปโรคที่เป็นอยู่ คุณหมอ เขียนอธิบาย วินิจฉัย แบบ ล่าสุดว่า....เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ชนิดที่รุนแรงมากที่สุด....คุณหมอบอกคะแนน 100 คะแนน เอาไปเลยเต็มร้อย ......คงอยากจะได้หรอกนะ








วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เจอมีดหมอ-ผ่าตัดส่องกล้อง

พอมาถึงโรงพยาบาล 8 โมงเช้า ตรวจเช็คร่างกายก่อน อันดับแรก ตรวจฉี่ ตรวจคลื่นหัวใจ  แล้วก็เจาะเลือดไปตรวจ และก็ให้ยาเหน็บให้มดลูกขยายตัว ตอนคุณหมอยื่นอุปกรณ์เข้าไปรู้สึกเจ็บนิดนึง แต่พอทนได้ เครื่องมือคุณหมอดูย้าวยาว ซักพักพยาบาลก็เอาเอกสารเซ็นยินยอมให้ผ่าตัด และให้อ่านผลข้างเคียง 2-3 ใบ จากนั้นบุรุษพยาบาลก็เข็นเราไปเอ็กซเรย์ปอด เสร็จพากลับไปห้องพัก เพื่อล้างลำไส้ ด้วยน้ำเกลือ พยาบาลเขาจะสอดท่อเข้าไปในรูทวารหนักแล้วค่อยๆปล่อยน้ำเกลือเข้าไป แป๊บเดียวเท่านั้นแหละเราก็จะรู้สึกอยากถ่าย เมื่อวานกินสลัดมาจานเบ้อเริ่ม พยาบาลบอก ต้องหลายรอบเพราะกากเยอะ จริงๆถ้าจะให้ดีกินข้าวต้มก็พอ เราก็ไม่รู้อ่ะนะ ก็คิดว่าผักมันก็น่าจะดี ที่ไหนได้ โดนสวนไป3 รอบ จากนั้นก็เสียบสายน้ำเกลือให้ ประมาณบ่าย3ก็เข็นเข้าห้องผ่าตัด ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ ไม่รู้ทำไม ได้ยินมา3คนแล้ว ทั้งหมอทั้งพยาบาลที่ถามว่าเราตื่นเต้นไหม ช่วงรอก็มีผู้ช่วยพยาบาลอายุเท่ากันกับเรา เขาก็มาคุยด้วยว่าเขาคิดว่าเขาก็เป็นโรคนี้เหมือนกัน แต่เขายังไม่มีแฟน และเขาก็ไม่กล้าไปตรวจ ถามว่าเราตรวจเจอเมื่อไหร่ อาการเราเป็นยังไงบ้าง เออ...  ต่อละกัน ..ขั้นแรกเขาก็จะทำให้เราสลบด้วยวิธีดมก๊าซ นับ1-13 ก็วูบไปเลย ก็แล้วแต่คุณหมอแล้วล่ะตอนนี้  ฟื้นอีกทีก็3 ทุ่ม  ก่อนผ่าบอกเคสเราเป็นไม่เยอะชั่วโมงนิดๆก็เสร็จแล้วที่ไหนได้ผ่าจริงๆ ปาไป3ชั่วโมง  ในมดลูกก็มีชิ้นเนื้อ ก้อนเนื้อฝังอยู่ ผิวไม่เรียบ ก็ใช้วิธีเลาะออก กัดออก ขั้นตอนสุดท้ายก็ขูดอีกรอบให้บางลง ท้องก็เจาะไปทั้งหมด 4 รู ใต้สะดือ1 รู ในหน้าท้อง3 รู เขามีวีดีโอหลังผ่าตัดให้ดู ก็เลยเห็นทุกอย่าง ในรังไข่ ตอนเช็คด้านขวาคิดว่าพังผืดเยอะ ที่ไหนได้ ด้านซ้ายเยอะกว่าอีก ที่แย่กว่านั้น ด้านซ้ายซีสฝังตัวในลำไส้และเกาะกับผนังมดลูกคุณหมอไม่กล้าเลาะกลัวลำไส้ฉีก ก็เลยทำให้ได้แต่ด้านขวา ท่อรังไข่ทั้งสองด้านก็อุดตัน มีแผ่นมากั้นไว้ คุณหมอก็เจาะรูให้ แล้วก็ลองฉีดสี ผลในด้านขวาก็ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วันนี้แหละ

ตื่นตั้งแต่ตี5กว่าๆ  พยายามข่มตาให้หลับต่อ ก็หลับไม่ลง เมื่อคืนฝันว่าเจอทอมตามตื้อให้ทำอะไรซักอย่าง  แล้วก็ไปหยิบหนังสือหลายเล่ม เหมือนจะเอามาอ่าน แล้วก็กระโปรงที่ใส่บางมาก จนต้องไปหาชุดใหม่ใส่ แต่ก็ยังหาชุดที่ถูกใจยังไม่ได้ เห็นรูปถ่ายตัวเอง ......ก็ถือว่าน่าจะเป็นฝันดี

ความกังวลที่ยังเหลืออยู่ ไม่ได้กลัวการผ่าตัด เพราะเราตัดสินใจแล้ว แต่กังวลกับผลของมันมากกว่า ถึงจะมั่นใจในเครื่องไม้ เครื่องมือที่ทันสมัย และมีคุณหมอที่ชำนาญ แต่อะไรมันก็ไม่แน่นอน ถ้าเกิดมันผิดพลาดขึ้นมาและเกิดฉันไม่ตื่น อืม........  ฉันต้องบอกคนข้างๆก่อนไหมว่าต้องทำยังไง
ฉันแปลกใจตัวเองนิดนึง ที่ไม่ค่อยตื่นเต้น  หรือว่าต้องไปเจอจังๆก่อนนะ
เมื่อวานพยาบาลโทรมาย้ำ ว่าวันนี้มีนัดผ่าตัด ให้งดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืน ตอนนี้ก็นั่งกลืนน้ำลายตัวเองแบบแห้งๆ ลงคอ
เสื้อผ้าก็เอาไปชุดนึงก็น่าจะพอมั้ง คงไม่ได้เปลี่ยนอะไรเยอะแยะ แอบคิดนิดนึง มองดูเสื้อ ถ้าเกิดฉันตายขึ้นมาเสื้อตัวนี้ใส่น่าจะดู ok อยากได้หนังสือไปอ่านซักเล่ม แต่ยังหาไม่ได้ อยากแวะซื้อซักเล่มก่อนจัง เขานัด 8 โมงเช้า จะมีร้านที่ไหนเปิดมั่งเนี่ย


วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วันที่สอง

เมื่อคืนนอนหลับไม่ค่อยสนิท รู้สึกว่าฝันอะไรเยอะแยะไปหมด ตื่นแต่เช้าลุกขึ้นมาเสียบ router แล้วก็นั่งเหม่อมองออกไปทางหน้าต่าง มองดูเส้นขอบฟ้า  แฟนถามว่าเป็นอะไร เขาก็คงจะรับรู้ถึงความรู้สึกเราได้  เรียกไปที่เตียงกอดเรา แล้วก็ลูบที่ท้องเบาๆ

วันแรกของการตัดสินใจ

หลังจาก ที่วนเวียนอยู่กับการเข้าออกโรงพยาบาลมานาน วันนี้ก็ถึงเวลาบอกคุณหมอว่า ฉันพร้อมแล้วล่ะที่จะให้คุณหมอทะลวงท้อง เอาพังผืด เลือดที่ขัง ช็อคโกแล็ตซีสในรังไข่มั่ง มดลูกมั่ง เอามันออกไปให้หมด
ถามตัวเองเหมือนกันตื่นเต้นไหม กลัวไหม ปกติถ้าเวลาตื่นเต้น ใจจะเต้นแรง แต่นี่มันก็เฉยๆนะ หรือว่ามันยังไม่ถึงเวลาก็ไม่รู้ แต่ก็นับเวลาถอยหลังอีกแค่ 5 วัน รวมวันนี้ แล้วจะรอตื่นเต้นวันไหนกันนะ

เลือกทำที่นนทเวช มันใกล้บ้าน และดูแล้ว คุณหมอ ท่าทางจะเก่ง เครื่องไม้เครื่องมือ ก็ดู ok นะ ถ้าเปรียบเทียบกับโรงพยาบาลก่อนหน้านี้ (ก่อนเลือกไปโรงพยาบาลที่ตัวเองมีประกันสังคมอยู่)
วันนี้ก็ไปคุยกับคุณหมอวัลย์วิสา บอกคุณหมอ เรียบร้อย ก็นัดวันผ่าตัดแบบส่องกล้อง  แบบเจาะรู 3 รู แต่ไม่แค่นั้น กรณีอย่างเราเป็นหลายที่ เฮ้อ
ที่แรก ที่ตรวจเจอ พังผืดในรังไข่ด้านขวา ที่รัดรังไข่ไปแปะไว้ด้านหลังมดลูก เหมือนใครเอากาวไปติดไว้
ส่วนที่สอง รังไข่ด้านซ้าย ที่เป็นซีสช็อคโกแล็ต เดือนก่อนคุณหมอให้กินยาปรับฮอโมนส์ เสร็จแล้ว    ไปอัลตร้าซาวน์ดูเจอน้ำขังอยู่ในรังไข่ด้านซ้าย มองดูเป็นดำๆ น่ากัว
ส่วนที่สาม ในมดลูด ทั้งหนามาก และคุณหมอบอกว่าอาจมีซีสมันไปฝังตัวในกล้ามเนื้อมดลูก คุณหมอต้องขูดออกด้วย  สรุปก็คือ ต้องโดนทั้ง ท้อง 3 รู และ อีกรูที่ต้องโดนขูด